ทศวรรษที่ผ่านมาโลกร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วและชัดเจน ในปีพ.ศ. 2566 องค์กาiสหประชาชาติ ได้เตือนถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศที่เกิดขึ้นบนโลก ผลกระทบต่างๆ เป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างประหลาดและไม่เคยเห็นกันมาก่อน เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น จนโลกร้อน ที่สุดเป็นประวัติการณ์การ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชี้ว่า โลกเข้าสู่ “ยุคโลกเดือด – Globol Boiling” ภาวะโลกร้อน หรือ ภาวะโลกรวน เป็นสภาพที่ เรารู้จักกันดี มีผลกระทบต่อมนุษย์ และสิ่งแวดล้อม เพราะมนุษย์ใช้โลกของเราอย่างหักโหมมากเกินไป เกินขีดความสามารถของโลกที่จะ รองรับได้ ผลกระทบต่างๆ จะลดความสามารถของระบบธรรมชาติของโลกในการตอบสนองต่อความร้อน นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศ ได้ ประเมินไว้ว่าอุณหภูมิจะมีแนวโน้มสูงขึ้น และจะทำลายสถิติ ในอีก 5 ปีข้างหน้า ประชากรโลกจะต้องประสบกับภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้ น คาดเดายาก และมีอันตรายมากขึ้น เนื่องจากอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น ในยุค “โลกเดือด”
อย่างไรก็ตามความต้องการอาหารยังคงเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนประชากรของโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การเพิ่มปริมาณการผลิต และการปกป้องผลผลิต จะต้องใช้ความรู้หลายด้าน ทั้งวิทยาการก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว โดยนำไปดำเนินการป้องกันกำจัดเพื่อควบคุม ศัตรูพืช และหรือบริหารจัดการศัตรูพืชอย่างถูกต้องเหมาะสม รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรกลทางการเกษตรในการเพิ่มความสามารถ ของวิธีการป้องกันกำจัดศัตรูพืช เพื่อปกป้องผลผลิตและช่วยลดความเสียหาย ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ นอกจาก วิธีการควบคุมศัตรูพืชที่มีประสิทธิภาพแล้ว การอารักขาพืชที่ถูกวิธีที่สามารถผลิตอาหารปลอดภัย ตามความต้องการของผู้บริโภคในตลาดโล ก และตามมาตรฐานสากล เป็นสิ่งที่จะต้องคำนึงถึง ซึ่งในตลาดโลก ประเทศผู้ซื้อได้นำมาตรฐานของระบบการผลิตอาหารปลอดภัยตลอดเส้นทาง การผลิตในห่วงโซ่การผลิตอาหารมาใช้ควบคุมคุณภาพประกอบการสั่งซื้อสินค้า เช่น มาตรการสุขอนามัยพืช การกักกันศัตรูพืช มาตรการเรื่อง ปริมาณสารเคมีตกค้างในอาหาร ตลอดจนมาตรฐานของสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช เป็นต้น นำมาควบคุมอย่างเข้มงวดกับประเทศผู้ส่งออก ประเทศไทยได้พัฒนาวิชาการด้านอารักขาพืชมาอย่างต่อเนื่อง ช่วยส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตตามระบบมาตรฐาน ทำให้ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออก สินค้าเกษตรในตลาดโลก และสินค้าเกษตรบางชนิดประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกในลำดับต้นๆ แต่ในปัจจุบันสิ่งที่จะต้องคำนึงถึง คือการอารักขา พืชใน “ยุคโลกเดือด” ดังนั้นภาระหน้าที่ของนักวิชาการด้านอารักขาพืช จะต้องช่วยกันศึกษาค้นคว้าวิจัย เพื่อให้ได้วิธีการอารักขาพืช ที่มี ประสิทธิภาพ นำไปสู่การผลิตอาหารที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ปราศจากสารพิษตกค้าง มีความปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต สภาพแวดล้อม และ หลีกเลี่ยงกิจกรรมการอารักขาพืช ที่จะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อช่วยกันลดอุณหภูมิของโลกที่เราอาศัยอยู่ให้มี ความเหมาะสม และปลอดภัย
การประชุมวิชาการอารักขาพืชแห่งชาติ เริ่มจัดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2536 โดยสมาคมกีฎและสัตววิทยาแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับสมาคมนักโรคพืชแห่งประเทศไทย สมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย สมาคมอารักขาพืชไทย สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร และสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย ซึ่งได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพตั้งแต่ครั้งที่ 15 การจัดประชุมวิชาการฯ มีขึ้นทุก 2 ปี โดยแต่ละสมาคมหมุนเวียนเป็นเจ้าภาพ และได้รับความร่วมมือจากสมาคมวิศวกรรมแห่งประเทศไทย การจัดประชุมวิชาการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และความคิดเห็น ในกลุ่มนักวิชาการและผู้ที่เกี่ยวข้องด้านการอารักขาพืช